1 ทดสอบการตอบรับของตลาดก่อนออกตัวผลิตภัณฑ์จริง 

ในขั้นตอนก่อนการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดี ต้องมีการสำรวจความต้องการของลูกค้า หรือ pain point ของลูกค้า โดยที่ลักษณะของPain point ที่ดี ที่เมื่อแบรนด์เข้าไปในตลาดแล้ว แบรนด์สามารถเป็นเจ้าตลาดได้นั้นคือ pain point ของลูกค้าที่ยังไม่มีสินค้า หรือ บริการตัวใดที่แก้ไข Pain point ให้ลูกค้าได้ หรือ มีสินค้าในตลาดแล้ว แต่ยังไม่สามารถแก้ไข Pain point ให้ลูกค้าได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ หากแบรนด์สามารถออกสินค้าที่แก้ไข Pain point ให้ลูกค้าได้ ในขณะที่คู่แข่งไม่สามารถทำได้ สินค้าตัวนั้นจัดอยู่ใน Winning Zone ซึ่งจะเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มสร้างรายได้ให้แบรนด์มหาศาล

หลังจากที่แบรนด์ได้วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ใน Winning Zone แล้ว ให้แบรนด์ทำการทดสอบการตอบรับของตลาด ด้วยการออกแบบรูปสินค้า หรือ ขึ้น Mock Upสินค้า ซึ่งก็คือการร่างแบบ หรือการขึ้นแบบตัวอย่างจำลองที่เสมือนจริงที่สุด เพื่อนำไปลงสื่อโซเชี่ยลต่างๆ เพื่อทดสอบการตอบรับของสินค้านั้น หากมีการตอบรับในระดับที่น่าพอใจ จึงทำการออกสินค้าจริง ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงให้เจ้าของแบรนด์จากการขาดทุนที่เกิดจากการออกสินค้าที่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด

2. สร้าง Personal Branding

Personal branding เป็นกระบวนการสร้างแบรนด์ตัวเองที่แข็งแกร่งและทันสมัย โดยการสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่เหมาะสมท่ามกลางกลุ่มคนที่เป็นลูกค้าของเรา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าเจ้าของแบรนด์มีความรู้ มีความสามารถ มีคุณค่าคู่ควรต่อการมอบความไว้วางใจ และนำไปสู่การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าในที่สุด

ประโยชน์ของการทำ personal branding ที่สำคัญได้แก่

2.1     ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาของกลุ่มลูกค้า ทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่นในเจ้าของแบรนด์เพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในงานของคุณ

2.2     ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของคุณในสายงานและอุตสาหกรรมที่คุณทำธุรกิจอยู่ นี่จะช่วยให้คุณมีความเป็นมืออาชีพและมีภาพลักษณ์ที่น่าจับตาของผู้ใช้บริการหรือลูกค้า

2.3     เพิ่มโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ

3.อัพเดตตัวเองให้อยู่ในกระแสเหตุการณ์ที่มวลชนสนใจเสมอ

ในการเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างมาก การอัพเดตตัวเองให้อยู่ในกระแสเหตุการณ์ที่มวลชนสนใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะสังคมและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีผลต่อพัฒนาการของแบรนด์คุณ ดังนั้นการอัพเดตตัวเองจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำอยู่เสมอ นี่คือเหตุผลที่เจ้าของแบรนด์ควรอัพเดตตัวเองให้อยู่ในกระแสเหตุการณ์ที่มวลชนสนใจ:

3.1 เพื่อติดอยู่กับเทรนด์ - การอัพเดตตัวเองให้อยู่ในกระแสเหตุการณ์ที่มวลชนสนใจจะช่วยให้แบรนด์ติดอยู่กับเทรนด์และการเปลี่ยนแปลงของตลาดในปัจจุบัน ทำให้แบรนด์ของคุณอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้เสมอ

3.2 เพื่อเพิ่มโอกาสในการตลาด – การอัพเดตตัวเองให้อยู่ในกระแสเหตุการณ์ที่มวลชนสนใจช่วยเพิ่มโอกาสในการตลาดสินค้าของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีโอกาสที่ผู้บริโภคจะสนใจและติดตามกิจกรรมของคุณมากขึ้น

3.3 เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มและความต้องการของลูกค้าหรือผู้บริโภคอยู่เสมอ และทำให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์และกลไกการตลาดของธุรกิจของคุณให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและภาวะตลาดได้ดียิ่งขึ้น

3.4 เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจของคุณได้ โดยเป็นการสร้างความน่าสนใจและเป็นกลางสำหรับสื่อมวลชนที่อาจจะต้องการติดต่อหรือนำเสนอการร่วมงานกับคุณ ช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตและประสบความสำเร็จในธุรกิจของคุณได้ในระยะยาว

4.สร้างทีมขายขั้นเทพ

ทีมขายที่แบรนด์ที่ต้องการให้ยอดขายเติบโตจำเป็นต้องมีได้แก่

4.1.ทีมยิงแอด ทำหน้าที่วิเคราะห์ลูกค้า ทำpersona ลูกค้า และเข้าใจ customer avata อย่างลึกซึ้ง เพื่อจะดีไซน์คอนเทนได้ตรงใจลูกค้า และยิงแอดเพื่อหาลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายจริงๆ  

4.2.ทีมแอดมิน ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาลูกค้า มีจิตใจอยากแก้ไขปัญญาให้ลูกค้า ทำให้ลูกค้าไว้ใจเหมือนกับที่ลูกค้าไว้ใจเพื่อนสนิท ต้องมีศิลปะในการพูดคุยกับลูกค้า ให้ลูกค้าเปิดใจ จากนั้นค่อยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลูกค้า

4.3. ทีมเทเลเซลล์ ทำหน้าที่คอยติดตามลูกค้า ติดตามผลลัพธ์ที่ลูกค้าได้รับจากผลิตภัณฑ์ แนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์ กระตุ้นให้เกิดการใช้ผลิตภัณฑ์ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่เหมาะสมกับลูกค้า ค้นหาปัญหาต่างๆของลูกค้าให้พบ เทเลเซลล์ต้องดูแลลูกค้าใกล้ชิด สร้างความสัมพันธ์ ดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จนลูกค้าเกิดความประทับใจและซื้อซ้ำ หรือ บอกต่อ

4.4. ทีมสต็อก ทำหน้าที่ตรวจสต็อกในคลังสินค้าให้มีเพียงพอต่อการจำหน่าย วางแผนในการสั่งสินค้า ให้แบรนด์มีสินค้าจำหน่ายตลอด ไม่ขาดตลาด เพราะหากสินค้าขาดตลาด  ลูกค้าอาจจะตำหนิแบรนด์ หรือ ยกเลิกการสั่งสินค้า และขอเงินค่าสินค้าคืน สร้างความเสียหายให้แบรนด์ ทำให้แบรนด์เสียโอกาสในการขาย

นอกจากนี้ยังต้องมีการประชุมระดมความคิดของทีมงานทั้ง 4 เพื่อร่วมกันออกความคิดเห็น คัดกรอง และนำมาปรับใช้ให้ทันท่วงทีกับโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วและว่องไวเสมอ ส่งผลให้ยอดขายเติบโตและสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

5.เกาะติดการการเปลี่ยนแปลงของโซเชียลที่กลุ่มลูกค้าเราเข้าไปเสพย์คอนเทน 

ช่วยให้เรารู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราต้องการอะไร มีความต้องการอย่างไร ซึ่งจะช่วยให้เราปรับกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการธุรกิจให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า และเป็นช่องทางในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เนื่องจากเรารู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรและสามารถตอบสนองความต้องการนั้นได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของลูกค้าต่อแบรนด์ของเรา

นอกจากนี้ควรเกาะติดการการเปลี่ยนแปลงของโซเชียลที่กลุ่มลูกค้าเราเข้าไปเสพย์คอนเทน ว่ามีการปรับเปลี่ยนนโยบายใด หรือมีการเปลียนแปลงอักอรึทึ่มใด ที่สร้างผลกระทบ หรือเอื้อต่อการขายสินค้าของแบรนด์ จะช่วยให้แบรนด์ปรับกลยุทธ์การตลอดออนไลน์ได้ทันท่วงที

6.ควบคุมการขายตัดราคา

การตัดราคาส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์สินค้าของแบรนด์ ให้กลายเป็นสินค้าด้อยค่า ตัวแทนก็จะขาดความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ และทยอยจากไป ส่งผลให้ยอดขายลดลงจนถึงหายไป ส่งผลให้แบรนด์ล้มหายตายจากไปในที่สุด

เรื่องนี้เป็นความท้าทายอย่างยิ่งต่อเจ้าของแบรนด์ ตราบใดที่ธุรกิจยังมีตัวแทนจำหน่าย การควบคุมราคาปลีกให้ได้ 100 % เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก การตัดราคาจะเกิดขึ้นกับสิ้นค้าที่ขายดีเหมือนเป็นของคู่กัน

แนวทางในการแก้ไข

6.1.ทำสัญญาตัวแทนให้รัดกุม ใช้หลักฐานในการสมัครตัวแทนที่ทางราชการออกใช้ เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ในส่วนของสัญญาต้องให้ทนายที่มีความชำนาญร่างสัญญาตัวแทน ในสัญญาระบุโทษชัดเจน

6.2.ควบคุมปริมาณตัวแทนไม่ให้มีเยอะเกินไป

6.3.ทำ QR code เพื่อสามารถตรวจสอบการขายตัดราคา และตรวจสอบผู้ขายตัดราคาได้

หากต้องการคุมการขายตัดราคาได้ 100 % คือ เจ้าของแบรนด์ขายคนเดียว คือไม่มีตัวแทน 

7.บริหารสต็อกให้ดี ของไม่ขาด

การบริหารสต็อกเพื่อให้มีสินค้าจำหน่ายเสมอ เป็นสิ่งที่สำคัญในธุรกิจ เนื่องจากมีผลต่อการขายและกำไรของแบรนด์ ดังนั้น มีวิธีการบริหารสต็อกเพื่อให้มีสินค้าจำหน่ายเสมอ ได้แก่:

7.1วางแผนการจัดซื้อสินค้า: การวางแผนการจัดซื้อสินค้าให้เหมาะสมและคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ความต้องการของลูกค้า ฤดูกาล และความต้องการในอนาคต เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้มีสินค้าเพียงพอและไม่ขาดแคลน

7.2.สร้างการสั่งซื้อระบบอัตโนมัติ: การสร้างระบบสั่งซื้ออัตโนมัติที่มีการประมวลผลเป็นระบบ จะช่วยลดเวลาในการทำงานและป้องกันการขาดสินค้าได้

7.3ตรวจสอบสต็อกอย่างสม่ำเสมอ: การตรวจสอบสต็อกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ทราบถึงปริมาณสินค้าที่มีอยู่ และต้องการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มหรือไม่ และช่วยป้องกันการขาดสินค้าหรือสินค้าหมดอย่างไม่คาดคิด

7.4จัดเก็บสินค้าอย่างเป็นระเบียบ: การจัดเก็บสินค้าให้เป็นระเบียบ จะช่วยให้ทราบถึงปริมาณสินค้าที่มีอยู่ และช่วยให้ง่ายต่อการนับสต็อกและตรวจสอบสถานะของสินค้า

8 จัดการกับข้อร้องเรียนต่างๆได้อยู่หมัด

การจัดการกับข้อร้องเรียนของลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างความไว้วางใจและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ดังนั้นแบรนด์จะต้องมีการจัดการกับข้อร้องเรียนของลูกค้าอย่างเหมาะสมด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

1.   รับฟังและตอบกลับข้อร้องเรียน: การรับฟังและตอบกลับข้อร้องเรียนของลูกค้าให้ไว้วางใจและสร้างความพึงพอใจ โดยจะต้องรับฟังและตอบกลับข้อร้องเรียนอย่างรวดเร็ว และอย่างสุภาพและเป็นกันเอง

2.   วิเคราะห์และแก้ไขปัญหา: หลังจากได้รับข้อร้องเรียนแล้ว แบรนด์ควรวิเคราะห์ปัญหาและหาวิธีแก้ไขอย่างเหมาะสม โดยการใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การทำการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการทดสอบแก้ไขปัญหา

3.   ปรับปรุงการบริการ: การปรับปรุงการบริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยจะต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาจุดด้อยของการบริการ และวางแผนปรับปรุงและพัฒนาการบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า

4.   สร้างสิ่งที่สร้างความพึงพอใจ: การสร้างสิ่งที่สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เช่น โปรโมชั่น ส่วนลด

9.ใช้การซื้อซ้ำและบอกต่อของลูกค้า เป็นการตลาดที่ทรงพลัง และยั่งยืน

การซื้อซ้ำและบอกต่อ เป็นการตลาดที่ทรงพลัง และประหยัดค่าโฆษณา อีกทั้งยังเป็นการสร้างความสำเร็จในระยะยาว ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้เมื่อมีสินค้าที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี ทางโรงงานเครื่องสำอางแลโบทนิก มีทีมแพทย์เภสัชกรรมไทยและนักวิจัยช่วยท่านพัฒนาสูตรที่มีประสิทธิภาพเพื่อสนับสนุนความสำเร็จของแบรนด์ท่านในระยะยาว หากสนใจสามารถทักเข้ามานัดเวลาพูดคุยการพัฒนาสูตรกับทีมงานของเราได้ค่ะ